เราเป็นเพื่อนยามเหงา เราจะทำให้คุณรู้จักตัวเอง เราจะสร้างความรู้สึกดีๆให้แก่ชีวิตคุณ บทความบล็อกนี้จะเขียนเพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงา สอนการเลือกคู่ครองและแนะนำบทเรียนดีดี
วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553
ลักษณะความรักที่ผิด-รักแท้-ความรักที่ควรระวัง
คุณจะพิสูจน์ความรักที่ถูกได้อย่างไร
เมื่อคุณพบใครสักคน รักหรือชอบใครสักคน ลองสำรวจดูว่า คุณรักเธอเพราะอะไร?
1)เพราะเธอฉลาด, เก่ง, มีความสามารถ
นั่นไม่ใช่ความรัก แต่เป็นการยอมรับ (Approval) ความรักที่แท้จริง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบเหล่านี้เสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถที่จะรักเธอในสภาพที่เธอเป็นต่างหาก
2)ความสวยงามทางเรือนร่าง
หรือที่เรียกว่า หลงเสน่ห์ “เป็นความรู้สึกเร้าอารมณ์ ดึงดูดทางเพศ” โดยความสวยงามทางกายของอีกฝ่าย อยากเป็นเจ้าของ โบราณว่า “ความรักทำให้คนตาบอด” มองข้ามส่วนเสีย คิด ฝัน ทึกทักว่าตนมีความรัก สร้างภาพพจน์ของเธอ / เขา โดยจินตนาการ เห็นเธอดีพร้อม กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตื่นเต้น โลหิตและชีพจรเต้นเร็ว แต่นั่นเป็นเพียงอารมณ์หลงรักเท่านั้น คิดไปเองว่าไม่มีใคร เหมาะสมกับเธอ / เขาเหมือนฉัน ส่วนมากจะเป็นกับชาย เพราะความอยากมีคู่รัก ตัวอย่าง อัมโมนหลงเสน่ห์ทามาร์ (2ซมอ.13:1-22)
ข้อเสียคือ ทำให้ผู้หลงเสน่ห์ตกอยู่ในห้วงเสน่หา ขาดความสามารถพินิจพิเคราะห์ และสูญเสียดุลยภาพทางอารมณ์ของเขา
วิธีแก้
ดึงตัวออกห่างจากผู้ที่เราหลงเสน่ห์ และแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า ติดสนิทกับพระอง
บังคับจิตใจ คิดถึงสิ่งที่ไม่น่าปราถนาของตัวเธอ/เขา มองรอบๆด้วยความรอบคอบ และใจเป็นกลาง นึกถึงสิ่งที่บกพร่อง จุดอ่อนด้วย
เปรียบเทียบผู้หญิง/ชายหลายคนที่เรารู้จัก เพราะยังมีคนอีกมากมายที่เราต้องพบอีก
หากแยกไม่ออก ไม่มั่นใจว่ารัก หรือหลงเสน่ห์ อย่าตัดสินใจเลย ถอยออกห่างก่อน
การเลือกคนรัก ต้องใช้สติปัญญา ไม่ใช่อารมณ์ ความตื่นเต้น หรือมองแต่ภายนอก ต้องขอการทรงนำมาจากพระเจ้า ระวัง สาวดวงตาคม หน้าตาจิ้มลิ้ม รูปร่างเย้ายวน หรือสาวที่ชอบเป็น ตุ๊กตาหน้ารถ แต่จงเลือกสาวที่พร้อมอุทิศตนเป็นภรรยาทั้งใจและกาย
ข้อคิด
เสน่ห์ ความงามภายนอกของหญิงจะสูญไปเร็วกว่าชาย ไม่จีรังยั่งยืน เพราะปกติผู้ชายจะอ่อนวัยกว่าหญิง หญิง 40 ดูคล้าย 50 ผิวพรรณ ความงามเหลืออีกไม่นานในวัยกลางคน แต่นิสัยยังคงอยู่และงอกงามขึ้นตามอายุการแต่งงาน ปราชญ์ท่านหนึ่งกล่าวว่า “จงเลิกฝันถึงความอบอุ่นที่เกิดจากความงามเสียเถิด ไร้สาระเปล่าๆ”
สิ่งดึงดูดในเรือนร่างอย่างเดียว ไม่สามารถทดแทนคุณสมบัติของแม่บ้าน หรือความเป็นภรรยาที่อุทิศเพื่อสามีได้
เสน่ห์ของคนเราขึ้นอยู่กับความมีมนุษยสัมพันธ์ซึ่งกันและกันที่ยาวนานต่างหาก ไม่ใช่เรือนกาย ซึ่งต่อไปเมื่อคุณรู้สึกตัว อาจคิดได้ว่า “ผม (ฉัน) เคยเป็นคนที่สวยที่สุดในโลก แต่ความจริงเหลวไหลที่สุด อาจเพราะผม (ฉัน)ไม่รู้จักเธอ(เขา) อีกมากมายในโลกนี้”
ผลเสีย
ความรักประเภทนี้เป็นอารมณ์ที่ไม่คงที่ มักรักแล้วเลิก เพราะจะหาใครเป็นดังที่เธอ/เขาคิด ไม่มีความรักที่เกิดจากอารมณ์ไม่มั่นคง หากเกิดกับวัยรุ่น บางคนขาดการตั้งใจเรียน ผลการศึกษาต่ำลง
จากสถิติการวิจัยพบว่า วัยรุ่นมักมีความรักประเภทนี้ ตั้งแต่วัยเรียน แต่ที่แต่งงานกันตอนเรียนจบแทบไม่มีเลย และ หญิงที่แต่งงานเมื่ออายุ 20 ปี มักประสบความล้มเหลวมากกว่าแต่งงานเมื่ออายุ 24 ปี
“วัยรุ่นเป็นวัยแสวงหา มิใช่วัยแห่งการยุติ”
4)รักแรกพบ
- เต็มไปด้วยความเพ้อฝัน ไร้เหตุผล
- ความรักมิได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่รักแรกพบที่สามารถพัฒนาไปสู่รักจีรังยั่งยืนได้ ต้องใช้เวลา
- รักแรกพบเป็นดัชนีให้เห็นว่า ไม่ทนต่อเวลา เพราะภายหลังมานั่งพิจารณาอีกครั้งก็รู้ว่าตนหาได้รักผูกพันด้วยไม่
ดังนั้น คู่รักที่ค่อยๆผูกพันรักใคร่ เนื่องจากความเข้าใจ ใกล้ชิด สนิทสนมกันมานานจะประสบความสำเร็จในชีวิตแต่งงานดีที่สุด
5)ความรักใคร่ (Affection)
-ความรู้สึกนับถือ อบอุ่น ชอบหรือติดคนนั้นอย่างมาก
-ความชอบพอกัน ความต้องการใกล้ชิดสนิทสนมอาจมิใช่ความรักที่แท้ก็ได้
6)ตัณหา (Lust)
-ความหิวกระหายทางกามารมณ์ที่ตื่นเต้น เร้าใจ แต่สิ่งนี้ทดแทนความรักไม่ได้ และอาจมี โดยปราศจากความรัก และเข้าใจผิดว่าเป็นความรัก มีบางคนที่ยอมสละความสัตย์ซื่อต่อกันและกัน และความรับผิดชอบเพียงเพื่อกามารมณ์เท่านั้น
ช.การมีคนรักหลายคน
-หากหญิงหรือชายมีคนรักในเวลาเดียวกันหลายๆคน อาจเป็นเพียงการหลงเสน่ห์เท่านั้น รักแท้นั้น ทั้งสองฝ่ายต้องอุทิศให้แก่กันและกัน ด้วยวิญญาณ จิตใจ ร่างกาย ไม่ใช่เรื่องกามารมณ์อย่างเดียว และความรักแม้จะเกิดขึ้นกับคนๆเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ทีเดียวหลายๆคน
7)ความรักที่ต้องการการทดแทนบางอย่าง
บางครั้งเราอยู่ในสภาวะกดดัน เบื่อ ขาดความอดทน ว้าเหว่ รู้สึกชีวิตขาดความสมบูรณ์ มีความต้องการรุนแรง ที่จะได้พักพิงทางใจ หากเจอใครสักคนก็จะตกหลุมรักทันที แต่จงระวังจุดนี้ ข้อเสียคือ เป็นความรักที่หาสิ่งทดแทน หาทางออก ต้องการสิ่งทดแทนแต่หาเป็นผู้ให้ไม่ คอยแต่จะรับ
8)รักด้วยความสงสาร
เป็นจิตใจสงสารที่ไม่ผูกพัน และเสริมสร้างเพราะเป็นการสังเวย อยากช่วยเหลือมากกว่า
9)รักด้วยความจำเป็น
ต้องรัก เช่น ผู้ใหญ่บังคับ
10)รักด้วยความกลัว
กลัวผู้ใหญ่ กลัวอนาคต กลัวอยู่คนเดียว
11)รักเหมือนเพื่อน
เข้าใจ ช่วยเหลือแต่ไม่เกี่ยวข้องผูกพันทางกาย
เหล่านี้เป็นความรักของมนุษย์แตกต่างกับ 1คร.13:4-17 ซึ่งเป็นความรักของพระเจ้า
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น