ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ พี่น้องทุกท่าน ที่ติดตามทุกบล็อกของ ผม ซึ่งมี 4 บล็อกและ 1 เวปไซด์ ช่วงหลังผมต้องเดินทาง และสอนทาง ทางสถานีวิทยุออนไลน์
http://www.radio.riverministry.net/
ผมจึงอยากรวมทุกบล็อกมาไว้ในเวปอันเดียว จึงได้ย้าย บทความทุกบล็อกไปไว้ใน เวปไซด์ http://www.james7.info/
จะประกอบไปด้วย เนื้อหาจากเวปทุกหมวด คือ จากหมวดการเยียวยา หมวด การเป็นผู้นำ หมวด การคบเพื่อน เลือกคู่ครอง หมวด พระวิญฯ ความสนิทสนมกับพระเจ้า พร้อมทั้ง การฉายวีดีโอ ออนไลน์ ภาพยนต์ และ คำสอนต่างๆของ อาจารย์ เจริญครับ
พระเจ้าอวยพรทุกท่าน
เราเป็นเพื่อนยามเหงา เราจะทำให้คุณรู้จักตัวเอง เราจะสร้างความรู้สึกดีๆให้แก่ชีวิตคุณ บทความบล็อกนี้จะเขียนเพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงา สอนการเลือกคู่ครองและแนะนำบทเรียนดีดี
วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
อย่าปล่อยให้เงา.....มีชีวิต
ในวันอาทิตย์ที่ฝนตกหนัก ตอนกำลังจะไปโบสถ์ ความท้อและความขี้เกียจก็สนับสนุนความรู้สึกให้เข้าข้างตัวเอง "ไม่ต้องไปหรอก มันไม่มีอะไร" กลับมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น "ไม่ได้นะ!!! ต้องไป วันนี้พระเจ้าจะตรัสด้วย" หัวใจของความเป็นคริสเตียนถูกกระตุ้นขึ้นและ การตอบสนองเสียงนั้นก็มาถึง "ไปก็ไป" บรรยากาศโบสถ์ในวันนี้เหมือนเดิมทุกประการ การนมัสการที่เย็นชา การอธิษฐานอย่างไม่มีใจคาดหวังเหมือนมาเป็นหน้าที่และช่างเหมือน ซอมบี้ที่สุด
แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือ ชายผู้หนึ่งในเสื้อฟิตๆยืนจัดหนังสือเพื่อที่จะเอามาขาย จะว่าไปเค้าแต่งตัวไม่เหมือนคริสเตียนในโบสถ์เลยด้วยซ้ำ ไม่มีใครรู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร จนกระทั่งเทศนา เค้าขึ้นไปยืนบนเวที จับไมค์ เซย์ฮัลโหลกับทุกคน สิ่งที่พูด.....เหมือนไม่ใช่คำเทศน์แต่มีฤทธิ์เดชมากมาย คำพูดง่ายๆที่ออกจากปาก เต็มไปด้วยการเจิมของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เปลี่ยนใจคนให้กลับใจ การนมัสการและวิธีการอธิษฐานก็ได้เปลี่ยนไปเพียงช่วงไม่กี่นาที เรื่องราวชีวิตของชายผู้นี้ได้ถูกเปิดเผยหลังจากนั้น
เค้าเริ่มบทสนทนานึงที่ทำให้ทุกคนต้องตั้งใจฟัง นั่นคือ “ผมเป็นเกย์ครับ” คนใน คริสตจักรมองผู้ชายคนนั้นอย่างงงๆ "ถ้าคุณเป็นเกย์แล้วมาจับไมค์เทศน์ทำไม นี่ไม่ใช่คริสตจักรเกย์นะ" แต่เค้ากลับยิ้มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและตอบว่า “แต่พระเจ้ารักผม…และ พระเจ้าเปลี่ยนผมได้” เค้าเล่าว่า…เค้าเกิดในครอบครัวที่มีฐานะ ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เริ่มเสพย์ยา ติดการมีเพศสัมพันธ์กับชายหลายคนและเลิกไม่ได้ จนพ่อของเค้าทนไม่ไหวและไล่ออกจากบ้าน เค้าจำเป็นที่จะต้องหาเงินสำหรับใช้จ่ายและซื้อเฮโรอีน จึงเลือกทำธุรกิจบางอย่างเพื่อให้ได้เงินมา ธุรกิจง่ายๆนั้นคือ การค้าผู้หญิง เค้าส่งผู้หญิงขายไปเป็นโสเภณี ซึ่งมันสามารถทำเงินให้เค้ามากมาย สามารถใช้ชีวิตเสเพลในเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน จนวันนึงเสียงเรียกของพระเจ้าสำหรับคนเลวอย่างเค้าก็มาถึง ผ่านมิชชันนารีที่ประกาศกับกลุ่มโสเภณี ขอบคุณพระเจ้าที่นำความรอดไปถึงคนกลุ่มนี้รวมทั้งตัวเค้าด้วย
หลายครั้งเราไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการประกาศ คิดว่าพระเจ้าทำการ เราไม่ได้มีหน้าที่ทำให้ต้นไม้โต แต่เราต้องหว่าน พระเจ้าสอนเราให้รักสวนองุ่นที่พระองค์เลี้ยง พระเจ้าสอนเราในการหว่านและเก็บเกี่ยว ผู้ชายคนนี้ก็เช่นกัน เค้ารับพระคัมภีร์ที่แจกฟรีมา พระเจ้า ดลใจให้เค้าเปิดมันอ่านและสัมผัสใจทำให้เค้าอยากค้นหาความจริง เค้ายังเล่าอีกว่าพระเจ้าเปลี่ยนเค้าและความคิดเค้าในทุกทาง อีกทั้งท้าทายใจเค้าให้ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องง่ายและยากในชีวิต จนไม่มีซักเรื่องที่ให้พระเจ้าไม่ได้ เมื่อเค้ารับความรักจากพระเจ้าและรู้ว่าตัวเองเป็นคนบาปและมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รักเค้าทั้งๆที่เค้าเป็นแบบนี้ พระองค์เปลี่ยนเค้าจนมาถึงเรื่องที่ยากที่สุดคือ ให้หายจากการรักร่วมเพศ เราซึ่งเป็นผู้ฟังก็ตั้งคำถามกับเค้าเหมือนกันว่า ถ้าเรามีเพื่อนหรือญาติที่เป็นแบบเค้าเราจะช่วยยังไง คำตอบคือ "ล้มกี่ครั้งก็ต้องลุกครับ”
เค้าถามว่าเวลาคุณทำผิดซ้ำๆเรื่องเดิมๆเคยนับมั้ยว่าผิดไปกี่ครั้ง แล้วคิดจะสู้กับมันจริงๆมั้ย เค้าตอบว่าผมล้มอยู่ 80 ครั้งและชนะด้วยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลัง พระเจ้าไม่เคยซ้ำเติมในการล้ม แต่เอื้อมพระหัตถ์ออกช่วยทุกครั้งที่ผมล้ม พระเจ้าดูที่ใจและการตัดสินใจวินาทีต่อวินาที แน่นอนเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา แต่พระองค์ก็ไม่เคยทบความผิดบาปของเราและไม่ดูด้วยว่าอดีตของเราเป็นอย่างไร อดีตที่ว่าไม่ใช่ปีที่แล้วแต่มันคือวินาทีที่แล้ว ที่สำคัญคือ พระเจ้าให้อภัยคุณแต่หลายครั้งคุณนั่นแหละที่ปรักปรำและไม่ให้อภัยตัวเอง” เค้ายังเล่าอีกว่า ทุกวันนี้เค้าแต่งงาน มีภรรยาแสนดีที่รับเค้าได้แม้เค้าเป็นแบบนี้และมีลูกสาวที่น่ารักอีกสองคน ตัวเค้าณ. เวลานี้เป็นศิษยาภิบาลในคริสตจักรแห่งหนึ่งในเมลเบิร์น โดยทำพันธกิจเพื่อช่วยเหลือกลุ่มรักร่วมเพศให้กลับใจ รวมทั้งจัดตั้งกลุ่มมิชชันนารีเพื่อการประกาศข่าวประเสริฐไปยังกลุ่มผู้ติดยาเสพย์ติดและโสเภณี หลังการเทศนาจบลง มีการนมัสการขึ้นอีกครั้งด้วยความร้อนรนของผู้เทศน์และการกลับใจแสวงหาพระเจ้าของสมาชิกคริสตจักรที่ได้รับการแตะต้องใจ
ภาพของผู้ชายคนนึงเดินในที่มืดแต่หันหน้าเข้าหาความสว่างและเค้าก็เริ่มเข้าสู่ทางที่แสงจ้า ในขณะที่เค้าเดินอยู่ในความมืด เงาของเค้าไม่ปรากฏให้เห็น แต่พอเค้าเดินไปในที่ที่มีแสงสว่างมากเท่าไหร่ เงาของเค้ายิ่งชัดขึ้น เช่นเดียวกัน เวลาที่เราเดินอยู่ในความบาป เราจะมองไม่เห็นความผิดในอดีตของตัวเอง แต่เมื่อเราเดินหาพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้เรารู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก และเห็นอดีตของตัวเองชัดขึ้น และชัดขึ้น เห็นความบาปที่เราทำชัดขึ้นเมื่อเราเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น แต่เมื่อเราล้มลงในความบาป ล้มลงในเรื่องเดิมที่เกิดขึ้นในอดีต เราสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งโดยที่เงาไม่ได้ฉุดเราไว้และเงาไม่เคยฉุดเราได้ ถ้าไม่ใช่เราเองที่ตัดสินใจนั่งลงและบอกตัวเองว่าชั้นไม่เอาแล้ว ชั้นลุกไม่ไหว
“เงาไม่ได้มีชีวิต อดีตของเราเป็นแค่เรื่องราวที่อยู่ในความคิดที่เราจำได้ อย่าให้อดีตที่เราเคยพลาดมาเป็นตัวฉุดรั้งทำให้เราไม่สามารถเดินต่อไปได้ อย่าปล่อยให้พระหัตถ์พระเจ้าที่เอื้อมมาถึงเราเพื่อฉุดเราเสียเปล่า พระองค์ยังคงเฝ้ารอและฉุดเราขึ้นเสมอเมื่อเราล้มลง”
โดย ครูแพรว
วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
เล็กน้อย แต่ ไม่เล็กน้อย
ประเด็นที่น่าสนใจคือ สิ่งที่พระเจ้าให้ฟีลิปทำนั้น ถ้าคนทั่วไปมองคงคิดว่าเป็นเรื่องแปลกเพราะขณะที่งานในเยรูซาเล็มกำลังไปได้สวยแต่พระเจ้ากลับพาฟีลิปมาประกาศคนในถิ่นธุรกันดาร แต่เมื่อมองไปในอนาคตก็ต้องพูดได้ว่า พระเจ้าทรงรู้ล่วงหน้า มองไกลและเป็นผู้ที่วางแผนได้อย่างล้ำเลิศเพราะขันทีผู้นี้เป็นคนนำความรอดไปสู่ชาวอัฟริกัน ถ้าฟีลิปไม่ทำหน้าที่ของเขาในวันนั้นและเลือกที่จะอยู่เยรูซาเล็ม ข่าวประเสริฐของพระเจ้าก็ไม่มีทางแพร่ออกไปแน่นอน
มนุษย์มักขีดเส้นให้พระเจ้าเดินตาม จะเอาอย่างนี้ จะทำอย่างนั้น โดยคิดคำตอบไว้ล่วงหน้า แล้วก็บีบพระเจ้าให้อวยพรตามที่ตนต้องการ แล้วเอามาอวดอ้างว่านี่มาจากพระเจ้า แต่แท้จริงแล้วมาจากตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะไม่งอกงามเกิดผล เพราะเป็นสิ่งที่เกิดจากความต้องการด้านเนื้อหนังเพื่อตอบสนองตนเองมีแต่เน่าเปื่อยและสลายไป แต่สำหรับพระเจ้านั้นสังเกตได้ว่าพระองค์มักทำในสิ่งที่มนุษย์ไม่คาดคิดเสมอ ไม่อาจคาดเดาแต่ผลที่ได้งอกงามและยั่งยืน เช่น การเดินรอบกำแพงเยรีโค ใครจะไปคิดว่าการเดินรอบกำแพงที่มีขนาดใหญ่ ขนาดรถม้าวิ่งบนกำแพงได้นั้น จะถล่มลงมาด้วยวิธีการที่แสนง่าย ไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีใครบาดเจ็บหรือแม้แต่โมเสส เส้นทางหนีชาวอียิปต์ดำเนินมาถึงทางตัน โมเสสเพียงวางไม้เท้าลง น้ำทะเลก็แยกออกและยังมีอีกหลายๆเหตุการณ์ที่พระเจ้าทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่พระองค์ทำต้องใช้คำว่า "อัศจรรย์" มานิยามเท่านั้น
“การสัตย์ซื่อแม้เพียงสิ่งเล็กน้อย” ใครว่าพระเจ้ามองไม่เห็น ทุกสิ่งที่เราทำพระองค์เห็น วันนี้ถ้าพระองค์ให้เราทำอะไรแม้มันจะดูเหมือนเล็กน้อยหรือต่ำต้อย จงทำมันให้ดีที่สุด สิ่งเล็กน้อยนี้จะเกิดผลเป็นแน่เมื่อเราทำถวายแด่พระเจ้า
ยกตัวอย่าง ทหารคนหนึ่งโดนจับไปเป็นเชลยของเยอรมัน เขาต้องไปเป็นทาสทำหน้าที่ยัดกระสุนปืน ซึ่งกระสุนนี้มีไว้สำหรับยิงเรือบินรบให้ตกลงมา ในขณะที่เกิดสงราม เรือบินรบของประเทศเขาโดนยิงที่ถังน้ำมันแต่เครื่องบินไม่เกิดระเบิด ในขณะลงจอด เมื่อมาเช็คที่ถังน้ำมันปรากฏว่า กระสุนที่ยิงมาที่ถังนำมันนั้น ถูกอัดด้วยกระดาษภายในแล้วทหารก็ต้องตกตะลึงมื่อกระสุนเม็ดหนึ่งใส่กระดาษแล้วมีตัวอักษรในกระดาษ แผ่นนั้นเขียนว่า "ตอนนี้ทำให้ได้แค่นี้ก่อนนะ" เป็นข้อความที่ทหารเชลยคนนั้นเขียนถึงประเทศของเขาและเขาช่วยให้ทหารในประเทศไม่ตายถึง 10 คน จากการที่เรือบินรบโดนยิง
ไม่มีคำบรรยายใดๆเมื่อฟังเรื่องเล่านี้จบ มีแต่เพียงการตอบสนองต่อพระเจ้าว่า "สัตย์ซื่อในสิ่งเล็กน้อยที่พระองค์ให้ทำ" เพราะวันนี้เรามองไม่เห็นว่าสิ่งที่ทำจะงอกงามเป็นอะไร ขอให้เชื่ออย่างหนึ่งว่าพระเจ้าไม่เคยดูหมิ่นในสิ่งที่เราทำแด่พระองค์เลย พระองค์จะทำให้สิ่งนั้นงอกงามและเกิดผลแน่นอน เพียงแต่ท่าทีของเราคือ ไม่มีเจตนาแอบแฝงแต่เพื่อพระองค์ทั้งสิ้น
โดย โปรดปราน
วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554
อึ่งอ่างต้มเปรต Vs คริสเตียนอุ่นๆ
เมื่อประมาณสองวันก่อน ได้มีโอกาสคุยกับน้องคนนึงซึ่งเป็นน้องที่รู้จัก พอสมควรและชื่นชมเค้ามาตลอด น้องสาวคนนี้เป็นเด็กดีและเคยเป็นหนึ่งในคริสเตียนแถวหน้า พอดีเค้าโทรมาปรึกษาเรื่องงาน เราเลยมีโอกาสได้คุยกัน....เรื่องราวใน รายละเอียดขออุบไว้แต่อยากเอาแนวคิดในเรื่องนี้มาแบ่งปันพี่น้อง เพราะมั่นใจมากๆว่าคงเตือนสติหลายๆคนได้...เป็นเรื่องไม่บังเอิญแน่นอนที่เค้าโทรมาหาเพราะเชื่อว่า พระเจ้าเจาะจงให้เราได้ช่วยเค้าและพระเจ้าปรารถนาจริงๆที่จะให้เค้าได้รับการช่วยเหลือจากเรา
น้องเล่าให้ฟังว่าเค้าต้องทำงานหาเงินเพื่อแก้ปัญหาต่างๆของตัวเองในชีวิตและเค้าทำได้สำเร็จมาโดยตลอด อีกทั้งยังเป็นกำลังหลักในการหารายได้ให้แก่ครอบครัว งานที่เค้าทำไม่ได้สวยหรูในสายตาพี่น้องคริสเตียน พูดว่าดูไม่ดีเลยก็ว่าได้แต่เค้าต้องทำเพื่อให้มีรายได้ที่คล่องตัวแก่ครอบครัว ในสายตาของครอบครัว...ทุกคนภูมิใจและ สนุบสนุนเค้าในงานที่เค้าทำ เลยถามว่าเค้าไปว่าแล้วตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน เค้าตอบว่าหนูอยู่กับแฟนน่ะพี่ แล้วเล่าให้ฟังต่อว่าเค้ากับแฟนรู้จักกันได้ยังไง
หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด...ถ้าเราคิดตามบนพื้นฐานมนุษย์ที่ไม่คิดอะไรมากก็คงไม่มีอะไร แต่หลังจากที่เค้าพูดจบ...พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในใจให้ต่อเวลาคุยกับเค้าอีกนิด พระวิญญาณต้องการเตือนเค้าผ่านเราว่าไม่เพียงแต่งานที่เค้าทำที่พระเจ้าไม่พอพระทัยแต่การตอบสนองของเค้าที่มีต่อพระเจ้าจะทำให้เค้าตายไปในความอุ่น
คริสเตียนหลายคนถูกสอนเรื่องความอุ่นที่มีในพระเจ้าแต่หลายครั้งเราไม่ตระหนัก...กลับตอบสนอง พระเมตตาด้วยความเฉยชาต่อพระเจ้าทีละนิด ตอบสนองพระสุรเสียงและพระวิญญาณบริสุทธิ์น้อยลงๆทีละหน่อย จนวันนึงพระเจ้าไม่อยู่ในใจ เราแล้วแต่เรากลับไม่รู้ตัวและคิดว่ายังเดินกับพระเจ้าอยู่ เวลาใครถามก็ตอบว่าหนูยังรักพระเจ้าอยู่พี่แต่จริงๆหนูไม่ได้รักพระเจ้าแล้ว หนูแค่รู้ว่าพระเจ้ามีจริงเพราะถ้าคนรักกันจริง เค้าจะไม่คิดถึงกันหรอกเหรอ ลองนึกถึงเวลาที่ตัวเองตกหลุมรักใครซักคนสิ ใจมันแทบจะขาด อยากจะโทรหาแทบคลั่ง การที่เฉยกับใครซักคนไปเรื่อยๆ วันนึงเราก็จะลืมเค้า แล้วพอถึงวันนั้น...อาจจะลืมไปเลยก็ได้ว่าเค้าคนนั้นมีอยู่จริง
น้องเค้าไม่ได้เล่าให้ฟังในทุกรายละเอียดแต่พระเจ้าสัมผัสใจมากๆว่าสิ่งที่เค้าเล่า พระเจ้าไม่พอพระทัยแม้จะฟังแล้วจะเข้าใจความคิดเค้าและเห็นอกเห็นใจกับความคิดนั้น แต่ก็เข้าใจพระเจ้าจริงๆว่าปล่อยเค้าไปไม่ได้โดยไม่เตือนเพราะเค้าจะตาย
ชีวิตคริสเตียนที่ตัดสินใจเฉยชาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทีละนิดแล้วไม่กลับใจ คือการเดินกับพระเจ้าอย่างอุ่นๆ สภาพที่ว่าไม่ต่างอะไรกับอึ่งอ่างต้มเปรตเลย ถูกจับโยนลงไปว่ายน้ำเล่นในหม้อตั้งแต่น้ำยังเย็นๆ ว่ายไปว่ายมาสนุกดี ไม่รู้สึกอะไรกับน้ำที่ค่อยๆร้อนขึ้นเพราะผิวหนังปรับสภาพกับความอุ่น จนน้ำเดือดตัวเองตายก็ยังไม่รู้ตัวเพราะความอุ่นนั่นแหละที่ฆ่ามันทีละนิด ไม่ทรมานเพราะไม่รู้ตัวเลยไม่ได้ป้องกันตัว เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะตาย คริสเตียนที่เดินอุ่นๆไม่ต่างอะไรกับอึ่งอ่างต้มเปรตเลย เฉยต่อ พระวิญญาณและการตีสอนทีละนิดและคิดว่าไม่เป็นไร...เดินไปๆวันนึงหายออกจากทางของพระเจ้าและไม่มีพระองค์อยู่ในใจแล้วก็ไม่รู้ตัว
"ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนอึ่งอ่างต้มเปรต กลับใจและตอบสนองพระวิญญาณบริสุทธิ์ทุกครั้งที่ได้ยินการเตือนเถอะ"
โดย ครูแพรว
น้องเล่าให้ฟังว่าเค้าต้องทำงานหาเงินเพื่อแก้ปัญหาต่างๆของตัวเองในชีวิตและเค้าทำได้สำเร็จมาโดยตลอด อีกทั้งยังเป็นกำลังหลักในการหารายได้ให้แก่ครอบครัว งานที่เค้าทำไม่ได้สวยหรูในสายตาพี่น้องคริสเตียน พูดว่าดูไม่ดีเลยก็ว่าได้แต่เค้าต้องทำเพื่อให้มีรายได้ที่คล่องตัวแก่ครอบครัว ในสายตาของครอบครัว...ทุกคนภูมิใจและ สนุบสนุนเค้าในงานที่เค้าทำ เลยถามว่าเค้าไปว่าแล้วตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน เค้าตอบว่าหนูอยู่กับแฟนน่ะพี่ แล้วเล่าให้ฟังต่อว่าเค้ากับแฟนรู้จักกันได้ยังไง
หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด...ถ้าเราคิดตามบนพื้นฐานมนุษย์ที่ไม่คิดอะไรมากก็คงไม่มีอะไร แต่หลังจากที่เค้าพูดจบ...พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในใจให้ต่อเวลาคุยกับเค้าอีกนิด พระวิญญาณต้องการเตือนเค้าผ่านเราว่าไม่เพียงแต่งานที่เค้าทำที่พระเจ้าไม่พอพระทัยแต่การตอบสนองของเค้าที่มีต่อพระเจ้าจะทำให้เค้าตายไปในความอุ่น
คริสเตียนหลายคนถูกสอนเรื่องความอุ่นที่มีในพระเจ้าแต่หลายครั้งเราไม่ตระหนัก...กลับตอบสนอง พระเมตตาด้วยความเฉยชาต่อพระเจ้าทีละนิด ตอบสนองพระสุรเสียงและพระวิญญาณบริสุทธิ์น้อยลงๆทีละหน่อย จนวันนึงพระเจ้าไม่อยู่ในใจ เราแล้วแต่เรากลับไม่รู้ตัวและคิดว่ายังเดินกับพระเจ้าอยู่ เวลาใครถามก็ตอบว่าหนูยังรักพระเจ้าอยู่พี่แต่จริงๆหนูไม่ได้รักพระเจ้าแล้ว หนูแค่รู้ว่าพระเจ้ามีจริงเพราะถ้าคนรักกันจริง เค้าจะไม่คิดถึงกันหรอกเหรอ ลองนึกถึงเวลาที่ตัวเองตกหลุมรักใครซักคนสิ ใจมันแทบจะขาด อยากจะโทรหาแทบคลั่ง การที่เฉยกับใครซักคนไปเรื่อยๆ วันนึงเราก็จะลืมเค้า แล้วพอถึงวันนั้น...อาจจะลืมไปเลยก็ได้ว่าเค้าคนนั้นมีอยู่จริง
น้องเค้าไม่ได้เล่าให้ฟังในทุกรายละเอียดแต่พระเจ้าสัมผัสใจมากๆว่าสิ่งที่เค้าเล่า พระเจ้าไม่พอพระทัยแม้จะฟังแล้วจะเข้าใจความคิดเค้าและเห็นอกเห็นใจกับความคิดนั้น แต่ก็เข้าใจพระเจ้าจริงๆว่าปล่อยเค้าไปไม่ได้โดยไม่เตือนเพราะเค้าจะตาย
ชีวิตคริสเตียนที่ตัดสินใจเฉยชาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทีละนิดแล้วไม่กลับใจ คือการเดินกับพระเจ้าอย่างอุ่นๆ สภาพที่ว่าไม่ต่างอะไรกับอึ่งอ่างต้มเปรตเลย ถูกจับโยนลงไปว่ายน้ำเล่นในหม้อตั้งแต่น้ำยังเย็นๆ ว่ายไปว่ายมาสนุกดี ไม่รู้สึกอะไรกับน้ำที่ค่อยๆร้อนขึ้นเพราะผิวหนังปรับสภาพกับความอุ่น จนน้ำเดือดตัวเองตายก็ยังไม่รู้ตัวเพราะความอุ่นนั่นแหละที่ฆ่ามันทีละนิด ไม่ทรมานเพราะไม่รู้ตัวเลยไม่ได้ป้องกันตัว เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะตาย คริสเตียนที่เดินอุ่นๆไม่ต่างอะไรกับอึ่งอ่างต้มเปรตเลย เฉยต่อ พระวิญญาณและการตีสอนทีละนิดและคิดว่าไม่เป็นไร...เดินไปๆวันนึงหายออกจากทางของพระเจ้าและไม่มีพระองค์อยู่ในใจแล้วก็ไม่รู้ตัว
"ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนอึ่งอ่างต้มเปรต กลับใจและตอบสนองพระวิญญาณบริสุทธิ์ทุกครั้งที่ได้ยินการเตือนเถอะ"
โดย ครูแพรว
วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554
ข้อคิดจากที่พักสุดท้าย
"ฉันขอพลกำลัง
เพื่อฉันจะได้ความสำเร็จ
ฉันถูกทำให้อ่อนแรง
เพื่อฉันจะถ่อมใจรู้จักเชื่อฟัง
ฉันขอสุขภาพสมบูรณ์
เพื่อฉันจะทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
ฉันถูกทำให้อ่อนแอ
เพื่อฉันจะทำในสิ่งที่ดียิ่งกว่า
ฉันขอความมั่งคั่งเพื่อฉันจะมีความสุข
ฉันได้รับความยากจนเพื่อฉันจะมีปัญญา
ฉันขออำนาจเพื่อฉันจะได้รับการยกย่องจากมนุษย์
ฉันได้รับความอ่อนแอเพื่อฉันจะรู้สึกว่าต้องการพระเจ้า
ฉันขอทุกสิ่งอย่างเพื่อฉันจะสนุกกับชีวิต
ฉันได้ชีวิตเพื่อฉันจะสนุกกับทุกสิ่งอย่าง
ฉันไม่ได้ในสิ่งที่ฉันขอแต่ได้ทุกสิ่งที่ฉันมุ่งมาดปรารถนา
แม้ปากจะขอไปผิดๆแต่คำอธิษฐานที่ไม่ได้พูดออกมาได้รับคำตอบ
ฉันได้พระพรมั่งคั่งที่สุดท่ามกลางมนุษย์ทั้งปวง"
แอบจดมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง จำชื่อหนังสือไม่ได้แต่รู้ว่าข้อความนี้เขียนไว้หน้าหลุมศพของคนที่รักพระเจ้าคนหนึ่งเพื่อจะเตือนสติคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอบคุณพระเจ้าค่ะ ที่พระองค์สอนลูกในทุกๆวัน ลูกรักพระองค์นะคะ ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ได้ตามใจลูกแต่พระองค์ดูแลลูกดีกว่าที่ลูกคิด
โดย โปรดปราน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)