ประเด็นที่น่าสนใจคือ สิ่งที่พระเจ้าให้ฟีลิปทำนั้น ถ้าคนทั่วไปมองคงคิดว่าเป็นเรื่องแปลกเพราะขณะที่งานในเยรูซาเล็มกำลังไปได้สวยแต่พระเจ้ากลับพาฟีลิปมาประกาศคนในถิ่นธุรกันดาร แต่เมื่อมองไปในอนาคตก็ต้องพูดได้ว่า พระเจ้าทรงรู้ล่วงหน้า มองไกลและเป็นผู้ที่วางแผนได้อย่างล้ำเลิศเพราะขันทีผู้นี้เป็นคนนำความรอดไปสู่ชาวอัฟริกัน ถ้าฟีลิปไม่ทำหน้าที่ของเขาในวันนั้นและเลือกที่จะอยู่เยรูซาเล็ม ข่าวประเสริฐของพระเจ้าก็ไม่มีทางแพร่ออกไปแน่นอน
มนุษย์มักขีดเส้นให้พระเจ้าเดินตาม จะเอาอย่างนี้ จะทำอย่างนั้น โดยคิดคำตอบไว้ล่วงหน้า แล้วก็บีบพระเจ้าให้อวยพรตามที่ตนต้องการ แล้วเอามาอวดอ้างว่านี่มาจากพระเจ้า แต่แท้จริงแล้วมาจากตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะไม่งอกงามเกิดผล เพราะเป็นสิ่งที่เกิดจากความต้องการด้านเนื้อหนังเพื่อตอบสนองตนเองมีแต่เน่าเปื่อยและสลายไป แต่สำหรับพระเจ้านั้นสังเกตได้ว่าพระองค์มักทำในสิ่งที่มนุษย์ไม่คาดคิดเสมอ ไม่อาจคาดเดาแต่ผลที่ได้งอกงามและยั่งยืน เช่น การเดินรอบกำแพงเยรีโค ใครจะไปคิดว่าการเดินรอบกำแพงที่มีขนาดใหญ่ ขนาดรถม้าวิ่งบนกำแพงได้นั้น จะถล่มลงมาด้วยวิธีการที่แสนง่าย ไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีใครบาดเจ็บหรือแม้แต่โมเสส เส้นทางหนีชาวอียิปต์ดำเนินมาถึงทางตัน โมเสสเพียงวางไม้เท้าลง น้ำทะเลก็แยกออกและยังมีอีกหลายๆเหตุการณ์ที่พระเจ้าทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่พระองค์ทำต้องใช้คำว่า "อัศจรรย์" มานิยามเท่านั้น
“การสัตย์ซื่อแม้เพียงสิ่งเล็กน้อย” ใครว่าพระเจ้ามองไม่เห็น ทุกสิ่งที่เราทำพระองค์เห็น วันนี้ถ้าพระองค์ให้เราทำอะไรแม้มันจะดูเหมือนเล็กน้อยหรือต่ำต้อย จงทำมันให้ดีที่สุด สิ่งเล็กน้อยนี้จะเกิดผลเป็นแน่เมื่อเราทำถวายแด่พระเจ้า
ยกตัวอย่าง ทหารคนหนึ่งโดนจับไปเป็นเชลยของเยอรมัน เขาต้องไปเป็นทาสทำหน้าที่ยัดกระสุนปืน ซึ่งกระสุนนี้มีไว้สำหรับยิงเรือบินรบให้ตกลงมา ในขณะที่เกิดสงราม เรือบินรบของประเทศเขาโดนยิงที่ถังน้ำมันแต่เครื่องบินไม่เกิดระเบิด ในขณะลงจอด เมื่อมาเช็คที่ถังน้ำมันปรากฏว่า กระสุนที่ยิงมาที่ถังนำมันนั้น ถูกอัดด้วยกระดาษภายในแล้วทหารก็ต้องตกตะลึงมื่อกระสุนเม็ดหนึ่งใส่กระดาษแล้วมีตัวอักษรในกระดาษ แผ่นนั้นเขียนว่า "ตอนนี้ทำให้ได้แค่นี้ก่อนนะ" เป็นข้อความที่ทหารเชลยคนนั้นเขียนถึงประเทศของเขาและเขาช่วยให้ทหารในประเทศไม่ตายถึง 10 คน จากการที่เรือบินรบโดนยิง
ไม่มีคำบรรยายใดๆเมื่อฟังเรื่องเล่านี้จบ มีแต่เพียงการตอบสนองต่อพระเจ้าว่า "สัตย์ซื่อในสิ่งเล็กน้อยที่พระองค์ให้ทำ" เพราะวันนี้เรามองไม่เห็นว่าสิ่งที่ทำจะงอกงามเป็นอะไร ขอให้เชื่ออย่างหนึ่งว่าพระเจ้าไม่เคยดูหมิ่นในสิ่งที่เราทำแด่พระองค์เลย พระองค์จะทำให้สิ่งนั้นงอกงามและเกิดผลแน่นอน เพียงแต่ท่าทีของเราคือ ไม่มีเจตนาแอบแฝงแต่เพื่อพระองค์ทั้งสิ้น
โดย โปรดปราน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น